เทคโนโลยีฐานข้อมูล(DATABASE TECHNOLOGY)
คลังข้อมูล (Data Warehose)
เป็นแหล่งที่จัดเก็บหรือเตรียมข้อมูลที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานขององค์การให้กับผู้ใช้ที่เกี่ยงข้อง
โดยข้อมูลที่จัดเก็บต้องมีความสอดคล้อง
และสามารถแบ่งแยกหรือนำรวมกันด้วยวิธีการที่หลากหลาย ดั้งนั้น คลังข้อมูลจึงมีความหมายรวมถึงชุดเครื่องมือหรือ
ซอฟต์แวร์ที่ใช้สอบถาม วิเคราะห์และนำเสนอสารสนเทศ
ที่คำนึงถึงข้อมูลในคลังข้อมูลจัดเป็นสิ่งสำคัญที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานขององค์การ
ประโยชน์ของคลังข้อมูล
-ช่วยเพิ่มความรู้ให้กับผู้บริหาร
เนื่องจากข้อมูลที่จัดเก็บในคลังข้อมูลที่มาจากหน่วยงานทั้งภายในภายนอกองค์การ
ดังนั้นจึงทำให้ผู้บริหารมีความรอบรู้ลูตากว้างไกลมากขึ้น
-ช่วยเพิ่มศักยภาพในด้านการแข่งขันกับองค์การ
การที่องค์การมีข้อมูลที่หลากหลายและเนื่องมาจากแหล่งที่มาต่างๆทำให้องค์การสามารถทราบถึงสถานภาพในการดำเนินธุรกิจของตนเองและของคู่แข่งได้เป็นอย่างดีสามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาปรับปรุงหรือกำหนดกลยุทธ์กับการแข่งขันให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ในขณะนั้นได้เป็นอย่างดี
-ช่วยเพิ่มความสามารถและศักยภาพด้านการให้บริการแก่ผู้ใช้บริการ
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้ถูกรวบรวมและจัดเก็บในคลังข้อมูล
ซึ่งนำมาวิเคราะห์สภาพให้บริการแต่ละช่วงเวลาได้
-สนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการตัดสินใจให้กับบริหารขององค์การ
การตัดสินใจที่ถูกต้องและเหมาะสมจำเป็นต้องมีข้อมูลประกอบเสมอ
การสร้างคลังข้อมูลช่วยห้ผู้บรหารสามารถรียกใช้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
-ทำให้การดำเนินงานขององค์การเป็นไปอย่างราบรื่นและคล่องตัวมากขึ้น
ไม่เพียงแต่การตัดสินใจเท่านั้นที่จำเป็นต้องใช้ข้อมูล แต่การดำเนินงานใดๆ
ขององค์การล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับข้อมูลทั้งสิ้น
ดังนั้นการสร้างคลังข้อมูลจึงช่วยสนับสนุนในการดำเนินงานขององค์การเป็นไปอย่างราบรื่นและเกิดความคล่องตัว
-เพิ่มผลผลิตให้กับพนักงานที่ต้องการใช้ความรู้
การใช้คลังข้อมูลจะช่วยเพิ่มผลลิตให้กับพนักงานที่ต้องทำงานโดยใช้ความรู้
ทั้งนี้เนื่องจากพนักงานดังกล่าวสามารถเรียกใช้ข้อมูลที่จำเป็นต้องการปฏิบัติงานได้ง่าย
สะดวก และรวดเร็วขึ้น
-t1413871664
องค์ประกอบของ Data Warehouse
ฐานข้อมูลเชิงกายภาพขนาดใหญ่
คลังข้อมูลเชิงตรรกะ
Data martคือ ข้อมูลย่อยที่แยกออกจากข้อมูลที่อยู่ใน Data Warehouse
เพื่อนำไปใช้สนับสนุน(support) การทำงานของแต่ละแผนก
ระบบ DSS และระบบ EIS
ลักษณะของ Data
Warehous ประกอบด้วย
Subject-Oriented คือ
การจัดกลุ่มข้อมูลตามประเด็นหลัก
ขององค์กร เช่น ข้อมูลลูกค้า
ข้อมูลสินค้า หรือข้อมุลยอดขาย
Integrated คือ การจัดข้อมูลต่างรูปแบบ
(Format) ให้อยู่ในรูปแบบเดียวกัน สร้างความสอดคล้องของข้อมูลก่อนการนำเสนอ
Time-valiant คือ
การเก็บข้อมูลไว้ในคลังเพื่อใช้งานในระยะเวลายาว
เช่น 5-10 ปีข้างหน้า
เพื่อทำนายแนวโน้มหรือเปรียบเทียบค่าของข้อมูลในแต่ละปี ข้อมูลจะต้องมีความถูกต้องอยู่เสมอ
None-Volatile คือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลจากคลังที่ไปดึงมา
ข้อมูลในคลังจะไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงในทันที แต่จะเปลี่ยนแปลงในภายหลัง
ข้อดีของ Data Warehouse ความคุ้มค่าของสารสนเทศที่อยู่ในคลังข้อมูล ส่งผลดีต่อองค์กร ดังนี้
ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูง
เกิดความได้เปรียบในการแข่งขัน
เพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ
ข้อเสียของ Data Warehouse
1.การกรองข้อมูลและเรียก (load) ข้อมูลเข้าสู่คลังใช้เวลานา
2.แนวโน้มความต้องการข้อมูลมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ส่งผลต่อพื้นที่ในการจัดเก็บ
3.ใช้เวลาในการพัฒนาคลังข้อมูลนาน
4.ระบบคลังข้อมูลมีความซับซ้อน
ต้องใช้ความสามารถของบุคคล และเทคนิคสูง
แฟ้มข้อมูล
ประเภทของแฟ้มข้อมูล (File Type) เราสามารถจำแนกแฟ้มข้อมูลออกตามลักษณะของข้อมูลที่เก็บบันทึกไว้และสามารถแบ่งแฟ้มข้อมูลออกเป็น
2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1. แฟ้มข้อมูลหลัก (Master File) เป็นแฟ้มข้อมูลซึ่งเก็บข้อมูลที่สำคัญ เช่น แฟ้มข้อมูลประวัติ ลูกค้า (Customer
master file) ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น
แฟ้มข้อมูลประวัติผู้จัดส่งสินค้า (Supplier master file) แฟ้มข้อมูลสินค้าคงเหลือ
(Inventory master file) แฟ้มข้อมูลบัญชี (Account
master file) เป็นต้น
ซึ่งแฟ้มข้อมูลหลักเหล่านี้เป็นส่วนประกอบของระบบงานบัญชี (Account system)
2. แฟ้มรายการปรับปรุง (Transaction
file) เป็นแฟ้มที่บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับแฟ้มข้อมูลหลักที่มีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน
รายการที่เกิดขึ้นต้องนำไปปรับปรุงกับแฟ้มข้อมูลหลักเพื่อให้แฟ้มข้อมูลหลักมีข้อมูลที่ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา
การปรับปรุงแฟ้มข้อมูลสามารถทำได้หลายอย่าง เช่น การเพิ่มรายการ (Add
record) การลบรายการ (Delete record) และการแก้ไขรายการ
(Edit)
การจัดระเบียบแฟ้มข้อมูล (File organization) มีวิธีการจัดได้หลายประเภท
เช่นการจัดระเบียบแฟ้มข้อมูล (File organization) มีวิธีการจัดได้หลายประเภท
เช่น
1. การจัดระเบียบแฟ้มข้อมูลแบบตามลำดับ (Sequential
File organization) ลักษณะการจัดข้อมูลรายการจะเรียงตามฟิลด์ที่กำหนด
(Key field) เช่น
เรียงจากน้อยไปหามากหรือจากมากไปหาน้อยหรือเรียงตามตัวอักษร
โดยส่วนมากมักจะใช้เทปแม่เหล็กเป็นสื่อในการเก็บข้อมูลซึ่งการเก็บโดยวิธีนี้จะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ข้อดี
1. เป็นวิธีที่เข้าใจง่าย
เพราะการเก็บจะเรียงตามลำดับ
2. ประหยัดเนื้อที่ในการเก็บ
และง่ายต่อการสร้าง แฟ้มใหม่
ข้อเสีย
1.
เสียเวลาในการปรับปรุงในกรณีที่มีรายการ ปรับปรุงน้อยเพราะจะต้องอ่านทุกรายการจนกว่า
จะถึงรายการที่ต้องการปรับปรุง
2.
ต้องมีการจัดเรียงข้อมูลที่เข้ามาใหม่ให้อยู่ในลำดับ
เดียวกันในแฟ้มข้อมูลหลักก่อนที่จะประมวลผล
http://irrigation.rid.go.th/rid15/ppn/Knowledge/Database/database2.htm
2. การจัดระเบียนแฟ้มข้อมูลแบบตรงหรือแบบสุ่ม (Direct or random file organization) โดยส่วนมากมักจะใช้จานแม่เหล็ก
(Hard disk) เป็นหน่วยเก็บข้อมูล
การบันทึกหรือการเรียกข้อมูลขึ้นมาสามารถเรียกได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านรายการอื่นก่อน
เราเรียกวิธีนี้ว่าการเข้าถึงข้อมูลโดยตรง (Direct access) หรือการเข้าถึงโดยการสุ่ม
(Random Access) การค้นหาข้อมูลโดยวิธีนี้จะเร็วกว่าแบบตามลำดับ
ทั้งนี้เพราะการค้นหาจะกำหนดดัชนี (Index) จะนั้นจะวิ่งไปหาข้อมูลที่ต้องการหรืออาจจะเข้าหาข้อมูลแบบอาศัยดัชนีและเรียงลำดับควบคู่กัน
(Indexed Sequential Access Method (ISAM) โดยวิธีนี้จะกำหนดดัชนีที่ต้องการค้นหาข้อมูล
เมื่อพบแล้วต้องการเอาข้อมูลมาอีกกี่ รายการก็ให้เรียงตามลำดับของรายการที่ต้องการ
ซึ่งการเก็บโดยวิธีนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ข้อดี
1. สามารถบันทึก เรียกข้อมูล
และปรับปรุงข้อมูลที่ ต้องการได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านรายการที่อยู่ก่อนหน้า
2. ประหยัดเนื้อที่ในการเก็บ
และง่ายต่อการสร้าง แฟ้มใหม่
ข้อเสีย
1.
เสียเวลาในการปรับปรุงในกรณีที่มีรายการ
ปรับปรุงน้อยเพราะจะต้องอ่านทุกรายการจนกว่า จะถึงรายการที่ต้องการปรับปรุง
2.
ต้องมีการจัดเรียงข้อมูลที่เข้ามาใหม่ให้อยู่ในลำดับ
เดียวกันในแฟ้มข้อมูลหลักก่อนที่จะประมวลผล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น